ตั้งใจฝึกได้แค่ช่วงแรก พอฝึกไม่ก้าวหน้า เหมือนเสียเวลา

      คำถามนี้ดีมากเลยต้องเข้าใจก่อนว่าการที่เราจะมาฝึกสวดมนต์นั่งสมาธิ เจตจำนงคืออะไร จริงๆแล้วการฝึกสวดมนต์นั่งสมาธินี้ เป้าประสงค์ก็คือ “ การฝึกขัดเกลาจิตใจของเราให้สามารถละวางจากกิเลสได้ ”

      กิเลสต่างๆไม่ว่าเป็นความอยากได้…อยากมี…อยากเป็น… อารมณ์ต่างๆที่เกิดขึ้นในใจเรา ถ้าเรารู้สึกว่าเราอยากฝึกขัดเกลาและดับกิเลส ก็ต้องสู้กับนิวรณ์ต่างๆ นิวรณ์นี้ก็คือ “ ความรู้สึกเบื่อ ความรู้สึกขี้เกียจ ความรู้สึกลังเลสงสัยไม่มั่นใจ ความรู้สึกเบื่อหน่ายท้อแท้ไม่หึกเหิม ”

      หรือความรู้สึกที่จิตมันฟุ้งไม่นิ่ง รู้สึกว่าทำแล้วไม่มีประโยชน์ สิ่งเหล่านี้คือนิวรณ์ที่ขวางกั้นการฝึกอบรมจิตใจเราให้ละวางได้จากกิเลส ฉะนั้นการแก้ไขอารมณ์เหล่านี้ จะต้องใช้ “ พละ 5 ”

      ต้องเริ่มต้นด้วยความ “ ศรัทธา ” คือความเชื่ออย่างไม่มีข้อสงสัย ว่าเราจะทำสิ่งนี้เพื่ออะไร ต้องเกิดความศรัทธา และมีความ “วิริยะอุตสาหะ มุ่งมันอย่างไม่ย่อท้อ ทำอย่างจริงจัง และมีวินัย

      ต้องมี “ สติ ” ระลึกรู้ว่าเรากำลังทำอะไร และเราต้องการผลลัพธ์อะไร ตั้งใจทำให้จิตเป็น “ สมาธิ ” ตั้งใจฝึกฝนอย่างจดจ่อต่อเนื่อง จนเกิด “ ปัญญา ” ว่าการที่เราทำนี้มันมีประโยชน์มากแค่ไหนทำเพื่ออะไร

      และเกิดปัญญารู้ว่า จิตเราเริ่มละวางจากกิเลสได้หรือยัง เพียงเท่านี้ถ้า “ เราเข้าใจจุดประสงค์ของการมาฝึกจิต ฝึกขัดเกลาจิต เราก็จะรู้เท่าทัน นิวรณ์ ” ที่เกิดขึ้นต่างๆในจิตใจเรา และสามารถแก้ไขนิวรณ์ต่างๆ เพื่อที่จะมุ่งมั่นบำเพ็ญเพียรในการฝึกขัดเกลาจิตใจ เพื่อบรรลุเป้าหมายในการดับกิเลสของตัวเองได้

      ความก้าวหน้าก็ต้องเข้าใจให้ถูกต้อง ว่าความก้าวหน้านี้คืออะไร ความก้าวหน้าในการฝึกฝนขัดเกลาจิตใจ “ ไม่ใช่มองหาคุณวิเศษ ” ว่าจะมองเห็นนั่น… มองเห็นนี่…

      ความก้าวหน้าที่ต้องวัด คือต้อง “ วัดในจิตใจของเรา ” ว่าความอยากได้อยากมี อยากเป็น ในจิตใจเรามันลดลงหรือยัง ความโกรธ ความโลภ ความหลง ความทะยานอยากต่างๆในการใช้ชีวิต มันลดลงบ้างหรือยัง

      เราต้องวัดความก้าวหน้าแบบนี้ ถึงจะรู้ว่าก้าวหน้าหรือไม่ก้าวหน้า ลองตั้งใจฝึกกันดูนะครับผมเชื่อว่าทุกคนทำได้ อย่างแน่นอนครับ