นั่งสมาธิแล้วมีอาการต่างๆ

      การที่นั่งสมาธิแล้วรู้สึกมีอาการต่างๆ บางท่านรู้สึกวูบวาบ บางท่านขนลุกซู่ซ่า บางท่านน้ำตาไหล บางท่านรู้สึกตัวโยกตัวเอน บางท่านเห็นแสง หลากหลายอาการแตกต่างกันสิ่งเหล่านี้เป็นอาการปกติ

      อยากจะแนะนำผู้ปฏิบัติทุกท่าน ไม่ต้องสนใจให้เพียงแค่ “ กำหนดรู้สักแต่ว่ารู้ อย่าปรุงแต่ง ” อาการเหล่านั้นเป็นเพียงอาการปกติของลำดับขั้นสมาธิต่างๆ เป็นปิติที่เกิดขึ้นธรรมดาเท่านั้นเอง

      เมื่อเกิดขึ้นการ “ ตามดูรู้ ” อาการต่างๆที่เกิดขึ้นนี้ ควรแค่ตามดูรู้ รู้เท่าทันอาการที่เกิดขึ้น แต่อย่าปรุงต่อ อย่าปรุงแต่งว่าเสียงนี้คืออะไร อาการแบบนี้ รู้สึกปวดหัว รู้สึกหนัก รู้สึกอย่างนั้นอย่างนี้

      เอาแค่รู้สึก… แล้วผ่าน…ไปอย่าสนใจอะไร เมื่อรู้สึกแล้วก็กำหนดแค่รู้หนอ…สักแต่ว่ารู้ แล้วก็กลับมา ดูลม ดูจิต กลับมา ดูอาการต่างๆของร่างกายเหมือนเดิม ไม่ต้องสนใจใดๆทั้งสิ้น เพราะเป็นอาการปกติของปิติ ที่เกิดขึ้น

      เมื่อจิตเริ่มเป็นสมาธิเบื้องต้นเท่านั้นเอง แต่การที่เรากลัวหรือเรา คิดนู่น คิดนี่นั่น คือเป็นความฟุ้งซ่านของจิตที่เราขาดสติ และรู้ไม่เท่าทันจิตที่ฟุ้งออกไปเรื่อย… ไปปรุงแต่ง… เสร็จแล้วก็เป็นอุปทาน…ก็เกิดความฟุ้งว่าเป็นสิ่งนั้นสิ่งนี้… เป็นอย่างนั้นอย่างนี้…

      บางคนตกใจ ถอนออกจากสมาธิ ซึ่งไม่ถูกต้อง ทำให้สมาธิไม่ก้าวหน้า เพราะเกิดจากการฟุ้ง ปรุงแต่งของเราเสียเอง และการต่างๆที่เกิดขึ้นไม่ต้องสนใจแค่กำหนดรู้สักแต่ว่ารู้ แล้วก็กลับมาบริกรรมหรือกลับมาดูลมเหมือนเดิมทำอย่างนี้ไปเรื่อยๆ

      ให้มีตัวสติรู้เท่าทัน ว่าเรากำลังนั่งสมาธิอยู่ไม่มีอะไรเกิดขึ้นทั้งนั้น เราอยู่ในบ้านของเรา เราอยู่ในห้องของเรา มันไม่มีอะไรเกิดขึ้นทั้งนั้น อย่าฟุ้งเอง อย่าปรุงแต่งเอง มันเป็นเรื่องธรรมดา

       การรู้การเห็นจริงๆ ก็สามารถทำได้ แต่ต้องฝึกฝนพัฒนาให้จิตมีสมาธิที่เป็นองค์ฌาน ไม่ได้รู้เห็นตั้งแต่สมาธิระดับต้นๆ ถ้าได้แล้วจะมีคำตอบเอง จะไม่แค่แว้บๆ จะรู้จริงๆ มีตัวรู้ มีปัญญา

      ฉะนั้นอาการเล็กๆ น้อยๆ อย่าไปสนใจ แค่กำหนดรู้ และผ่าน “ เทคนิคคือ อย่าปรุงแต่งเอง อย่าเพิ่มเติมเอง ” ตามดูรู้ สภาวะธรรมพอเพียงเท่านี้ การฝึกฝนจะก้าวหน้า ขึ้นตามลำดับเองครับ