ลำดับขั้นการบรรลุธรรม (อริยะบุคคล)

อริยบุคคลแบ่งตามประเภทบุคค
พระโสดาบัน ผู้ละสังโยชน์ 3 ข้อแรกได้

      โสดาบัน แปลว่า ผู้เข้าถึงกระแสธรรม คือ อริยมรรค ความเป็นพระโสดาบันนี้ ไม่จำเป็นต้องออกบวช เท่านั้น คนทั่วไปแบบเราๆก็สามารถเป็นพระโสดาบันได้ หากยกจิตใจให้ละสังโยชน์ 3 ข้อแรกได้อย่างถาวร

      ในสมัยพุทธกาลคฤหัสถ์ที่เป็นพระโสดาบันที่มีชื่อเสียงก็มีจำนวนมากได้แก่ นางวิสาขามหาอุบาสิกา อนาถบิณฑิกเศรษฐี พระเจ้าพิมพิสาร หมอชีวกเป็นต้น

      การเข้าถึงกระแสธรรมของพระโสดาบันนั้น เรียกได้ว่า “ เป็นผู้ที่จะไม่ไปเกิดในอบายภูมิ ” (เช่น นรก หรือ เดียรฉาน) ทั้งยังเป็นผู้ที่จะบรรลุพระนิพพานในเบื้องหน้าอย่างแน่นอน

      พระสกทาคามี ทำสังโยชน์ข้อ 4 และ 5 ให้เบาบางลงได้

      สกทาคามี หรือ สกิทาคามี แปลว่า ผู้กลับมาเพียงครั้งเดียว หมายถึงผู้ที่บรรลุธรรมขั้น พระสกิทาคามีจะเกิดในกามาวจรภพ อีกเพียงครั้งเดียวเท่านั้นก็จะถึงพระนิพพาน

      ผู้ได้บรรลุสกทาคามิผลคือผู้ที่ละสังโยชน์เบื้องต่ำ 3 ข้อแรกได้เช่นเดียวกับพระโสดาบัน อีกทั้งทำสังโยชน์เบื้องต่ำอีกสองข้อ คือ ข้อ 4 และ 5 ให้เบาบางลงได้ด้วย

      พระอนาคามี ละสังโยชน์ เบื้องต่ำ 5 ข้อแรกได้หมด

      อนาคามี แปลว่า ผู้ไม่มาเกิดอีก หมายความว่า จะไม่กลับมาเกิดในกามาวจรภพอีก แต่จะเกิดใน พรหมโลก อีกเพียงครั้งเดียว แล้วจะนิพพานจากพรหมโลกนั้นเลย

      เป็นผู้ละสังโยชน์เบื้องต่ำ (โอรัมภาคิยสังโยชน์) ทั้ง 5ข้อได้แล้ว ยังเหลือสังโยชน์เบื้องสูง (อุทธัมภาคิยสังโยชน์) อีก 5 ข้อ

      พระอรหันต์ ละสังโยชน์ได้ทั้ง 10 ข้อ

      พระอรหันต์ คือ ผู้สำเร็จธรรมวิเศษสูงสุดในพระพุทธศาสนา พระอริยบุคคลชั้นสูงสุด สามารถละสังโยชน์ได้ครบ 10 ข้อ ทั้งเบื้องต่ำและเบื่องสูง พระอรหันต์ สามารถแบ่งตามลักษณะการบรรลุธรรมได้ 4 แบบคือ

      สุกขวิปัสสโก…ผู้เจริญวิปัสสนาล้วน

      เตวิชโช… ผู้ได้วิชชา 3

      ฉฬภิญโญ… ผู้ได้อภิญญา 6

      ปฏิสัมภิทัปปัตโต… ผู้บรรลุปฏิสัมภิทา 4

      1) สุกขวิปัสสโก ไม่มีญาณวิเศษใดๆ นอกจากรู้วิธีการทำอาสวกิเลสให้สิ้นไป อาสวกิเลส หมายถึง กิเลสที่หมักหมม ทับถมอยู่ในจิต ได้แก่

         “กาม” ความติดใจรักใคร่อยู่ในกามคุณ

         “ภพ” ความติดอยู่ในภพ ความอยากเป็นโน่นเป็นนี่

         “ทิฏฐิ” ความเห็นผิด ความหัวดื้อหัวรั้น

         “อวิชชา” ความไม่รู้จริง ไม่รู้ใน อวิชชา 8

      2) เตวิชโช คือ ผู้ได้วิชชา 3 ได้ ญาณ 3 เรื่องได้แก่

         บุพเพนิวาสานุสสติญาณ… รู้ระลึกชาติได้

         จุตูปปาตญาณ… รู้เหตุแห่งการมาจุติและอุบัติของสัตว์

         อาสวักขยญาณ… เมื่อรู้เหตุแห่งการเกิดขึ้นแล้วจึงรู้วิธีที่จะทำอาสวะกิเลสให้สิ้นไปเพื่อไม่เกิดอีก

      3) ฉฬภิญโญ ผู้ได้ อภิญญา 6 คือ

         ทิพฺพจักขุ ตาทิพย์

         ทิพยโสต หูทิพย์

         อิทธิวิธี แสดงฤทธิ์ต่างๆได้

         เจโตปริยญาณ ทายใจผู้อื่นได้

         บุพเพนิวาสานุสสติญาณ ระลึกชาติได้

         อาสวักขยะญาณ ญานที่ทำให้อาสวะสิ้นไป

      4) ปฏิสัมภิทัปปัตโต มีความรู้แตกฉานยิ่ง 4 ประการ ได้แก่

         อัตถปฏิสัมภิทา ปัญญาแตกฉาน ในอรรถ เห็นข้อธรรมใดก็สามารถอธิบายขยายความออกไปได้

         ธัมมปฏิสัมภิทา ปัญญาแตกฉาน ในธรรม สามารถสรุปข้อความได้อย่างกระชับเก็บความสำคัญได้หมด

         นิรุตติปฏิสัมภิทา ปัญญาแตกฉาน แตกฉานเรื่อง ภาษาต่าง ๆทั้งภาษามนุษย์ ภาษาสัตว์

         ปฏิภาณปฏิสัมภิทา ปัญญาแตกฉาน ในปฏิภาณ มีไหวพริบปฏิภาณดี สามารถอธิบายแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นเฉพาะหน้าได้ดี