อุทิศบุญควรทำอย่างไร เหมือนแผ่เมตตาหรือไม่

      การอุทิศบุญที่ถูกต้องเลยนะครับ จะต้องอุทิศบุญแบบเจาะจงไม่หว่านแยกเป็นเรื่องๆ เมื่อมีการปฏิบัติหรือการกระทำบุญใดแล้วนั้นจะเกิดแสงแห่งบุญขึ้นทันที

      “ ให้หลับตากำหนดจิตให้นิ่งเป็นสมาธิ และอุทิศบุญนั้นส่งให้แก่ผู้รับ ” โดยมโนภาพขึ้นมาในจิตของเราให้แบบเจาะจงเช่น วันนี้ตั้งแต่เช้าได้ทำบุญมาจนถึงเย็นทำมา 4 เรื่อง

      เช่น ตื่นเช้ามาใส่บาตร สายๆช่วยสุนัขตกน้ำ บ่ายๆขัดห้องน้ำวัด ตกเย็นบริจาคเงินให้ขอทาน…มีบุญ 4 เรื่องที่ได้กระทำในวันนี้ เวลากระทำบุญใดเสร็จสิ้นแล้วให้อุทิศบุญทันทีเป็นเรื่องๆ

      ครั้งที่ 1 ก็อุทิศให้ครูบาอาจารย์ครั้งที่ 2 ก็อุทิศให้บรรพบุรุษครั้งที่ 3 ให้พ่อแม่ครั้งที่ 4 ที่ให้เจ้ากรรมนายเวร แยกเรื่องและแยกผู้รับให้แบบเฉพาะเจาะจง ไม่ใช่ว่าบุญ 1 เรื่องอุทิศให้ 4 คน อุทิศให้ผู้รับ 4 ผู้รับแบบนี้

      บุญจะถูกแบ่งไปผู้รับได้น้อย ส่วนการแผ่เมตตานั้นเป็นคนละเรื่องกับการอุทิศบุญ การแผ่เมตตาให้แผ่ได้ตลอดทั้งวัน แผ่เมื่อไหร่ก็ได้ นึกถึงเมื่อไหร่ก็แผ่ได้เลย ยิ่งแผ่มากๆบ่อยๆยิ่งดี แผ่ด้วยจิตที่เป็นเมตตาต่อโลก ต่อสรรพสัตว์ทั้งหลาย น้อมนำจิตเข้าไปเพื่อแสดงความเมตตาต่อสัตว์ทั้งหลาย มนุษย์และอมนุษย์ทั้งหลาย

      การแผ่เมตตาจะท่องบทสวดแผ่เมตตาก็ได้ หรือจะไม่ท่องก็ได้ “ หัวใจสำคัญอยู่ที่การระลึกรู้ให้จิตเป็นเมตตา ” หลายคนก็ถามผมว่าการทำให้จิตเป็นเมตตาทำอย่างไร

      มีวิธีการง่ายๆแบบนี้ครับ เมตตาคือการที่เรารู้สึกอยากให้ผู้อื่นได้รับความสุข ฉะนั้นก็ให้เปรียบเทียบง่ายๆว่า “ สุขของเราเป็นอย่างไร เราก็อยากให้ผู้อื่นได้รับสุขแบบนี้เช่นกัน ”

      เช่น เราจะแผ่เมตตาให้สรรพสัตว์ทั้งหลายบนโลกใบนี้ ก็น้อมจิตให้รู้สึกอยากให้สัตว์ทั้งหลายนี้ได้มีอาหารอร่อยแบบที่เราได้กิน อยากให้สัตว์ทั้งหลายนี้มีที่อยู่หลับนอนอบอุ่นแบบที่เราได้อยู่ อยากให้สัตว์ทั้งหลายนี้มีความสุขกับครอบครัวของเขาแบบที่เราได้มี

      น้อมนำจิตสร้างความรู้สึกซาบซ่านจากจิตใต้สำนึกของเรา แผ่ออกไปให้สรรพสัตว์ทั้งหลายในจักรวาลนี้ ถึงอนันตจักรวาลให้พวกเขาเหล่านั้นได้สุขแบบที่เราต้องการ เพียงเท่านี้ก็จะเป็นการแผ่เมตตาที่ถูกต้องแล้วครับ